บริการออกแบบ ติดตั้ง hood สแตนเลส หลอดไฟ ฟิลเตอร์ดูดควัน
การออกแบบและติดตั้งระบบดูดควันสำหรับครัวเ จำเป็นต้องพิจารณาหลายปัจจัยเพื่อให้ระบบทำงาน อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำทีละขั้นตอน
หากมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ การออกแบบครัว โปรดแจ้งให้ทราบได้เลยค่ะ! สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกรุณา ติดต่อ
- Hood สแตนเลส:
ฮูดดูดควันทำจากสแตนเลส ซึ่งนิยมใช้ในครัวเชิงพาณิชย์ เนื่องจากทนต่อความร้อน ทนทานต่อการกัดกร่อน และทำความสะอาดง่าย - หลอดไฟในฮูด:
หลอดไฟในฮูดช่วยเพิ่มแสงสว่างในพื้นที่ทำอาหาร ช่วยให้มองเห็นชัดเจนในระหว่างการทำงาน - ฟิลเตอร์ดูดควัน:
ฟิลเตอร์หรือแผ่นกรองดูดควันใช้สำหรับกรองคราบน้ำมันและอนุภาคอื่น ๆ ที่มากับควัน เพื่อป้องกันไม่ให้เข้าไปในมอเตอร์หรือระบบท่อ - มอเตอร์ดูดควัน (Kruger):
มอเตอร์ Kruger เป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมในระบบระบายอากาศและดูดควัน ด้วยประสิทธิภาพและความคงทน - ตู้คอนโทรลมอเตอร์:
ตู้คอนโทรลใช้ควบคุมการเปิด-ปิดและความเร็วของมอเตอร์ ช่วยให้การทำงานของระบบดูดควันสะดวกและปลอดภัย - ท่อเมนสังกะสีเบอร์ 20:
ท่อเมนสำหรับระบายควันทำจากสังกะสีเบอร์ 20 มีความแข็งแรงและทนทาน ใช้สำหรับนำควันจากฮูดไปปล่อยยังภายนอก
การวางแผนและออกแบบ
- วิเคราะห์พื้นที่
- กำหนดตำแหน่งของฮูดดูดควันให้ใกล้กับแหล่งกำเนิดควัน เช่น เตาแก๊ส เตาไฟฟ้า หรืออุปกรณ์ที่ปล่อยควัน
- วัดขนาดพื้นที่ที่จะติดตั้งฮูดและระบบท่อเพื่อให้เหมาะสมกับครัว
- เลือกอุปกรณ์
- ฮูดดูดควัน:
เลือกขนาดและชนิดที่เหมาะกับปริมาณควันที่เกิดขึ้น (เช่น Wall-mounted Hood, Island Hood) - มอเตอร์ดูดควัน:
คำนวณอัตราการไหลของอากาศ (CFM หรือ CMH) ตามขนาดฮูดและปริมาณควัน โดย Kruger มีรุ่นให้เลือกหลากหลาย - ฟิลเตอร์:
เลือกชนิดฟิลเตอร์ (Baffle Filter หรือ Mesh Filter) ที่เหมาะสมกับการใช้งาน - ท่อเมน:
ใช้ท่อสังกะสีเบอร์ 20 เพื่อความทนทาน และเลือกเส้นผ่านศูนย์กลางที่เหมาะสม (ขึ้นอยู่กับการคำนวณระบบไหลเวียนอากาศ) - ตู้คอนโทรล:
เลือกรุ่นที่สามารถปรับความเร็วพัดลมได้และรองรับกำลังไฟของมอเตอร์
- ฮูดดูดควัน:
2. การติดตั้ง
- ติดตั้งฮูดดูดควัน
- ติดตั้งฮูดให้สูงจากเตาประมาณ 75-90 ซม. เพื่อให้ดูดควันได้เต็มประสิทธิภาพ
- ยึดให้มั่นคงและปรับระดับให้เหมาะสม
- ติดตั้งท่อเมน
- เดินท่อให้มีความลาดเอียงเล็กน้อย (1-2 องศา) เพื่อป้องกันการสะสมของน้ำมัน
- ใช้ข้อต่อและซีลอย่างแน่นหนาเพื่อป้องกันการรั่วซึม
- ติดตั้งมอเตอร์ดูดควัน
- วางมอเตอร์ในตำแหน่งที่เข้าถึงได้ง่ายสำหรับการซ่อมบำรุง
- ยึดมอเตอร์อย่างแน่นหนาและเชื่อมต่อกับท่อ
- ติดตั้งตู้คอนโทรล
- วางตู้คอนโทรลในตำแหน่งที่ใช้งานสะดวก
- เชื่อมต่อสายไฟและตั้งค่าการทำงานของมอเตอร์
- ติดตั้งฟิลเตอร์
- ติดตั้งฟิลเตอร์ในฮูดโดยให้สามารถถอดทำความสะอาดได้ง่าย
3. การทดสอบและตรวจสอบ
- ทดสอบการทำงาน
- เปิดระบบดูดควันและตรวจสอบว่าไม่มีการรั่วไหลของอากาศ
- ทดสอบแรงดูดว่าเพียงพอสำหรับดูดควันในพื้นที่
- ตรวจสอบความปลอดภัย
- ตรวจสอบการเดินสายไฟให้อยู่ในมาตรฐาน
- ตรวจสอบการระบายควันว่าไม่มีการสะสมในจุดใด
4. การบำรุงรักษา
- ทำความสะอาดฟิลเตอร์ทุก 1-2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการอุดตัน
- ตรวจสอบและล้างระบบท่อทุก 6 เดือน เพื่อกำจัดคราบน้ำมันสะสม
- ตรวจสอบมอเตอร์และตู้คอนโทรลปีละครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติม
- ใช้บริการผู้เชี่ยวชาญในการติดตั้งเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย
- เลือกวัสดุที่มีคุณภาพสูงเพื่อลดต้นทุนการซ่อมบำรุงในระยะยาว
- หากครัวมีการใช้งานหนัก ควรเลือกระบบดูดควันที่มีความจุสูง
หากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคำนวณขนาดอุปกรณ์หรือการเลือกยี่ห้อ บอกได้เลยครับ
การใช้งานมอเตอร์ดูดควัน Kruger
มอเตอร์ดูดควัน Kruger เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในระบบระบายอากาศและดูดควัน มีจุดเด่นที่ประสิทธิภาพสูงและความทนทาน เหมาะสำหรับการใช้งานในครัวเรือน ครัวเชิงพาณิชย์ หรือโรงงานอุตสาหกรรม
1. วิธีการใช้งานมอเตอร์ดูดควัน Kruger
- เริ่มต้นใช้งาน
- เชื่อมต่อมอเตอร์กับตู้คอนโทรลให้เรียบร้อย
- เปิดระบบผ่านตู้คอนโทรล โดยเลือกการทำงานที่เหมาะสม เช่น เปิด-ปิด หรือปรับระดับแรงลม
- การตั้งค่าความเร็ว
- มอเตอร์ Kruger มักรองรับการปรับความเร็วหลายระดับ
- ปรับความเร็วให้เหมาะสมกับปริมาณควันที่เกิดขึ้นในครัว เช่น ใช้ความเร็วต่ำในกรณีควันน้อย และความเร็วสูงในกรณีมีควันหนาแน่น
- ระบบความปลอดภัย
- หากมอเตอร์มีระบบ Overload Protection ให้ตรวจสอบว่าทำงานปกติ เพื่อป้องกันการเสียหายจากความร้อนหรือการใช้งานหนัก
2. ข้อควรระวังในการใช้งาน
- อย่าใช้งานเกินกำลัง: คำนวณแรงดูด (CFM) ให้เหมาะสมกับฮูดและขนาดพื้นที่
- ติดตั้งในตำแหน่งที่เหมาะสม: หลีกเลี่ยงตำแหน่งที่มีความร้อนสูงหรือมีความชื้นมาก
- อย่าให้มีสิ่งกีดขวางในท่อระบายควัน: เช่น คราบน้ำมันที่สะสม เพราะอาจลดประสิทธิภาพของมอเตอร์
การบำรุงรักษามอเตอร์ดูดควัน Kruger
1. การบำรุงรักษาประจำ
- ทำความสะอาดใบพัดและมอเตอร์
- ถอดใบพัดออกมาทำความสะอาดทุก 3-6 เดือน เพื่อขจัดคราบน้ำมันและฝุ่นที่เกาะ
- ใช้แปรงหรือผ้าชุบน้ำมันขจัดคราบ (Degreaser) ในการทำความสะอาด
- ตรวจสอบระบบสายไฟ
- เช็คสายไฟและการเชื่อมต่อเพื่อป้องกันไฟรั่วหรือชำรุด
- หากพบสายไฟชำรุด ควรเปลี่ยนใหม่ทันที
- หล่อลื่นมอเตอร์
- เติมน้ำมันหล่อลื่นที่จุดหมุนของมอเตอร์ตามคำแนะนำของผู้ผลิต (ปีละ 1-2 ครั้ง) เพื่อยืดอายุการใช้งาน
- ตรวจสอบฟิลเตอร์
- ฟิลเตอร์ที่อุดตันจะเพิ่มแรงต้านในการทำงานของมอเตอร์ ตรวจสอบและทำความสะอาดฟิลเตอร์ทุก 1-2 สัปดาห์
2. การซ่อมบำรุงเชิงลึก
- ตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงาน
- ทดสอบว่าแรงลม (Airflow) และเสียงของมอเตอร์ยังอยู่ในระดับปกติ
- หากแรงลมลดลงหรือมีเสียงดังผิดปกติ อาจมีปัญหาในระบบใบพัดหรือขดลวด
- ตรวจสอบความร้อนของมอเตอร์
- ใช้เครื่องวัดอุณหภูมิตรวจสอบ หากมอเตอร์ร้อนเกินไป อาจเกิดจาก Overload หรือปัญหาในระบบระบายความร้อน
- เปลี่ยนอุปกรณ์เสื่อมสภาพ
- หากพบส่วนประกอบที่เสื่อมสภาพ เช่น แบริ่งหรือซีล ควรเปลี่ยนทันทีเพื่อป้องกันการเสียหายที่ใหญ่กว่า
3. ความถี่ในการบำรุงรักษา
- รายวัน: ทำความสะอาดบริเวณรอบมอเตอร์และตรวจสอบการทำงานเบื้องต้น
- รายเดือน: เช็คฟิลเตอร์และตรวจสอบระบบไฟ
- รายปี: ตรวจสอบใบพัด, เติมน้ำมันหล่อลื่น, และเช็คประสิทธิภาพโดยผู้เชี่ยวชาญ
4. การเก็บรักษา
- หากไม่ใช้งานเป็นเวลานาน ให้คลุมมอเตอร์ด้วยพลาสติกหรือผ้าเพื่อป้องกันฝุ่นและความชื้น
- ถอดปลั๊กหรือปิดระบบไฟฟ้าเมื่อไม่ได้ใช้งาน
หากมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับรุ่นเฉพาะของ Kruger หรือรายละเอียดอื่น ๆ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้เลยครับ