งานระบบเครื่องดูดควัน ปล่องดูดควัน คืออะไร?



งานระบบเครื่องดูดควัน ปล่องดูดควัน คืออะไร?

งานระบบปล่องดูดควัน (Exhaust Hood System) คือระบบที่ออกแบบมาเพื่อควบคุมและระบายควัน กลิ่น ความร้อน และสิ่งสกปรกที่เกิดขึ้นจากการทำอาหารหรือกระบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในครัวร้านอาหารหรือครัวโรงแรม ระบบนี้ช่วยเพิ่มความปลอดภัย ความสะดวกสบาย และลดผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

หากมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ การออกแบบครัว โปรดแจ้งให้ทราบได้เลยค่ะ! สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกรุณา ติดต่อ

พ่อครัวชายชาวเอเชียปรุงอาหารด้วย colleuge ของเขาในห้องครัวของโรงแรม

องค์ประกอบของระบบปล่องดูดควัน

  1. ตัวดูดควัน (Hood)

    • ส่วนที่ติดตั้งเหนือแหล่งกำเนิดควัน (เช่น เตาแก๊ส เตาไฟฟ้า หรือเครื่องจักรในโรงงาน)
    • มีหลากหลายรูปแบบ เช่น แบบแขวนติดผนัง (Wall-Mounted) หรือแบบแขวนกลาง (Island)
  2. พัดลมดูดควัน (Exhaust Fan)

    • ทำหน้าที่ดูดควันและกลิ่นออกจากบริเวณใช้งาน
    • สามารถติดตั้งได้ทั้งแบบในตัวปล่องหรือแยกจากปล่อง
  3. ระบบกรองอากาศ (Filters)

    • มีหน้าที่กรองไขมันและสิ่งปนเปื้อนในควัน
    • ตัวกรองอาจเป็นแบบตะแกรงโลหะ (Baffle Filter) หรือระบบกรองด้วยถ่าน (Charcoal Filter)
  4. ปล่องระบายอากาศ (Ductwork)

    • ท่อลำเลียงควันจากตัวดูดควันออกไปยังจุดระบายอากาศ
    • ต้องออกแบบให้เหมาะสมกับการระบายอากาศและลดเสียงรบกวน
  5. ระบบควบคุม (Control System)

    • ใช้ในการเปิด-ปิดหรือปรับระดับความแรงของการดูดควัน
    • บางระบบมีเซนเซอร์อัจฉริยะสำหรับตรวจจับควันหรือความร้อน

การทําอาหารในร้านอาหารจีน

ประโยชน์ของระบบปล่องดูดควัน

  1. ควบคุมคุณภาพอากาศ
    ลดปริมาณควัน กลิ่น และความร้อนในพื้นที่ใช้งาน
  2. เพิ่มความปลอดภัย
    ลดการสะสมของไขมันที่อาจก่อให้เกิดไฟไหม้
  3. ลดการสะสมของสารพิษ
    กำจัดสารที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ เช่น คาร์บอนมอนอกไซด์
  4. เสริมสุขลักษณะและความสะดวกสบาย
    ทำให้พื้นที่ทำงานมีอากาศถ่ายเทสะดวก

การเลือกใช้งาน

  • สำหรับครัวบ้าน: ใช้ระบบขนาดเล็กที่ติดตั้งง่าย
  • สำหรับครัวร้านอาหาร: ต้องการระบบที่มีประสิทธิภาพสูงและทนทาน
  • ในโรงงานอุตสาหกรรม: จำเป็นต้องคำนึงถึงประเภทควันที่ต้องการกำจัดและขนาดพื้นที่ในการติดตั้ง

หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการออกแบบหรือการติดตั้ง สามารถแจ้งเพิ่มเติมได้นะครับ!

ก่อนเปิดร้านอาหาร การวางแผน งานระบบปล่องดูดควัน อย่างเหมาะสมเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากช่วยควบคุมคุณภาพอากาศในครัว ลดปัญหาควัน กลิ่น และเพิ่มความปลอดภัยในพื้นที่ทำงาน นี่คือสิ่งที่ต้องรู้

ซุปปรุงอาหารของเชฟ

1. ข้อกำหนดและมาตรฐานตามกฎหมาย

  • ข้อกำหนดท้องถิ่น: ตรวจสอบว่าพื้นที่ของคุณมีข้อกำหนดเกี่ยวกับระบบระบายอากาศและปล่องดูดควันหรือไม่ เช่น ความสูงของปล่อง ความแรงของพัดลม
  • มาตรฐานความปลอดภัย:
    • ปล่องดูดควันต้องผลิตจากวัสดุที่ทนไฟ เช่น สแตนเลส
    • ต้องมีระบบป้องกันไฟไหม้ เช่น ถังดับเพลิงอัตโนมัติในตัวปล่อง
  • การตรวจสอบจากหน่วยงานราชการ: ต้องผ่านการตรวจสอบก่อนเปิดร้าน เช่น จากเทศบาลหรือสำนักงานสิ่งแวดล้อม

2. การออกแบบและวางแผนระบบ

  • ขนาดของปล่องและพัดลม:
    คำนวณขนาดปล่องและความแรงพัดลมตามขนาดครัวและจำนวนเตา
    • ครัวเล็ก: พัดลมขนาด 300-500 CFM
    • ครัวใหญ่: มากกว่า 1000 CFM
  • ตำแหน่งการติดตั้ง:
    • ติดตั้งปล่องให้ใกล้กับแหล่งควัน (เตา) มากที่สุด
    • ต้องมีปลายปล่องสูงกว่าพื้นที่โดยรอบเพื่อป้องกันกลิ่นรบกวน
  • ระบบกรองไขมัน:
    • ใช้ตัวกรองที่ถอดล้างง่ายเพื่อลดการสะสมของไขมัน
    • หากมีควันน้ำมันมาก อาจต้องใช้ระบบกรองถ่าน (Carbon Filter)

3. การเลือกวัสดุและอุปกรณ์

  • วัสดุปล่อง:
    • สแตนเลสเกรด 304 หรือ 316 ทนต่อความร้อนและการกัดกร่อน
  • พัดลมดูดควัน:
    • เลือกแบบ Centrifugal Fan หรือ Axial Fan ขึ้นอยู่กับระยะการลำเลียง
  • ตัวกรอง:
    • กรองแบบ Baffle Filter เหมาะสำหรับครัวที่มีการปรุงอาหารด้วยน้ำมัน
    • ตัวกรอง HEPA หรือ Carbon สำหรับกรองกลิ่นและสารพิษ

4. การบำรุงรักษาและทำความสะอาด

  • ทำความสะอาดตัวกรอง:
    ถอดล้างทุก 1-2 สัปดาห์หรือบ่อยขึ้นตามการใช้งาน
  • ตรวจสอบปล่องและพัดลม:
    ตรวจสอบการสะสมของคราบไขมันและสิ่งอุดตันในปล่องทุก 3-6 เดือน
  • บริการจากมืออาชีพ:
    ควรใช้บริการทำความสะอาดระบบปล่องจากบริษัทที่มีประสบการณ์อย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง

5. การบริหารต้นทุน

  • ต้นทุนเริ่มต้น:
    ระบบปล่องดูดควันมาตรฐานมีราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 30,000-100,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดและความซับซ้อน
  • ค่าใช้จ่ายประจำ:
    รวมค่าไฟฟ้าของพัดลม ค่าทำความสะอาด และการซ่อมบำรุง
  • ประหยัดพลังงาน:
    เลือกพัดลมที่มีระบบ Inverter ช่วยลดค่าไฟฟ้า

6. การเลือกผู้ติดตั้งที่เชี่ยวชาญ

  • เลือกบริษัทที่มีประสบการณ์ด้านงานระบบครัวโดยเฉพาะ
  • ขอคำแนะนำและออกแบบที่เหมาะสมกับพื้นที่ครัวของคุณ
  • ตรวจสอบผลงานหรือรีวิวจากลูกค้าคนอื่น

การเตรียมงานระบบปล่องดูดควันที่ดีช่วยให้ร้านอาหารดำเนินกิจการได้ราบรื่น ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ หากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการติดตั้งหรือการเลือกอุปกรณ์ บอกได้เลยครับ

ระบบเติมอากาศ (Make-up Air System) คือระบบที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มปริมาณอากาศบริสุทธิ์เข้าสู่พื้นที่ภายในอาคารหรือพื้นที่ปิด เช่น ครัว ร้านอาหาร โรงงาน หรือสำนักงาน โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่มีการดูดอากาศออกไปจำนวนมาก เช่น การใช้งานระบบปล่องดูดควันหรือระบบระบายอากาศ

วัตถุประสงค์ของระบบเติมอากาศ

  1. รักษาสมดุลของแรงดันอากาศ

    • เมื่อมีการดูดอากาศออกจากพื้นที่ ระบบเติมอากาศจะช่วยเติมอากาศใหม่เข้ามาเพื่อป้องกันการเกิดแรงดันอากาศติดลบ (Negative Pressure) ซึ่งอาจส่งผลให้ประตูหรือหน้าต่างดูดเข้าหรือยากต่อการเปิด-ปิด
  2. เพิ่มคุณภาพอากาศ

    • ระบบเติมอากาศช่วยนำอากาศบริสุทธิ์เข้ามาแทนที่อากาศเสีย ลดความเข้มข้นของควัน กลิ่น หรือสารปนเปื้อนในพื้นที่
  3. เสริมประสิทธิภาพของระบบระบายอากาศ

    • หากไม่มีการเติมอากาศ ระบบดูดควันหรือระบายอากาศอาจทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ เพราะไม่มีอากาศใหม่เข้ามาแทน

ส่วนประกอบของระบบเติมอากาศ

  1. พัดลมเติมอากาศ (Make-up Air Fan)

    • ทำหน้าที่ดูดอากาศจากภายนอกเข้ามาในอาคาร
    • มีทั้งแบบติดตั้งภายใน (Inline Fan) และภายนอก (External Fan)
  2. แหล่งอากาศบริสุทธิ์ (Air Intake Source)

    • จุดที่ระบบดึงอากาศจากภายนอก เช่น ท่ออากาศหรือช่องเปิด
    • ต้องติดตั้งในบริเวณที่ไม่มีฝุ่นหรือมลพิษ
  3. ระบบกรองอากาศ (Air Filters)

    • กรองฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกในอากาศที่เข้ามา
    • อาจเป็นตัวกรองแบบ HEPA, Carbon หรือ Electrostatic
  4. ตัวควบคุมแรงดันอากาศ (Pressure Balancing System)

    • ช่วยรักษาความสมดุลระหว่างอากาศเข้าและออกในพื้นที่
  5. ระบบทำความเย็น/ร้อน (Optional)

    • อากาศที่เติมเข้ามาอาจผ่านระบบปรับอุณหภูมิ (Cooling/Heating) เพื่อรักษาความสบาย

ประโยชน์ของระบบเติมอากาศ

  1. ปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในอาคาร (Indoor Air Quality)

    • ลดความเข้มข้นของควัน กลิ่น และก๊าซพิษ
    • เพิ่มออกซิเจนในพื้นที่ปิด
  2. ลดปัญหาสุขภาพ

    • ลดโอกาสการเกิดปัญหาสุขภาพ เช่น ภูมิแพ้ หายใจลำบาก หรือการสะสมสารพิษ
  3. ประหยัดพลังงาน

    • ช่วยให้ระบบระบายอากาศหรือระบบปรับอากาศทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
  4. ลดความชื้นและความร้อนสะสม

    • เพิ่มความสดชื่นและสบายในพื้นที่

การใช้งานระบบเติมอากาศในร้านอาหารหรือโรงงาน

  • ร้านอาหาร:
    • จำเป็นในครัวที่มีการดูดควันจากเตาปริมาณมาก
    • ป้องกันปัญหาควันฟุ้งกระจายและกลิ่นกลับมาสู่พื้นที่รับประทานอาหาร
  • โรงงาน:
    • เติมอากาศบริสุทธิ์ในพื้นที่ที่มีเครื่องจักรปล่อยความร้อนหรือสารเคมี
  • สำนักงานหรือบ้าน:
    • ใช้เสริมการไหลเวียนของอากาศในพื้นที่ที่ปิดมิดชิดหรือมีการใช้งานเครื่องปรับอากาศ

ข้อควรพิจารณาในการติดตั้ง

  1. ขนาดของพื้นที่
    • คำนวณปริมาณอากาศที่ต้องเติมเพื่อให้เหมาะสมกับพื้นที่
  2. ทิศทางลมและตำแหน่งติดตั้ง
    • เลือกตำแหน่งติดตั้งที่เหมาะสมเพื่อลดการปนเปื้อนจากภายนอก
  3. การบำรุงรักษา
    • ทำความสะอาดตัวกรองอากาศและตรวจสอบพัดลมอย่างสม่ำเสมอ

หากมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ การออกแบบครัว โปรดแจ้งให้ทราบได้เลยค่ะ! สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกรุณา ติดต่อ